Agricultural Engineering Division: TARI

Agricultural Engineering Division ของศูนย์วิจัย TARI เป็นที่วิจัยเรื่อง Plant Factory

ที่นี่กำลังวิจัยอะไรหลายๆอย่างให้เราดูกัน เช่น..
1. การทดสอบความแตกต่างระหว่างการใช้แสง LED และ Fluorescence ในการปลูกพืชระบบ Plant Factory พบว่าประสิทธิภาพของแสงทั้ง 2 ชนิด ไม่แตกต่างกันเนื่องจากมีต้นทุนและพลังงานที่ใช้ใกล้เคียงกัน แต่ LED จะดีกว่าตรงที่สามารถปรับความเข้มแสง และสีของแสงให้เหมาะสมกับชนิดพืชได้

IMG_7686

IMG_7693

 

2. ทางสถานีวิจัยได้ทดลองทำ Plant Factory ระบบรางเลื่อน โดยใช้กล้าพืชที่อายุ 14 วัน ย้ายปลูกในบนชั้น ระหว่างที่ต้นกล้าค่อยๆเติบโต รางก็จะค่อยๆเลื่อนไปจนถึงจุดที่เก็บเกี่ยวผลผลิตพอดี มีระบบไฮโดรลิคยกถาดออกมาด้านนอก สำหรับนำไปบรรจุใส่ถุงต่อได้
มีตัววัดค่า EC และ pH เสียบอยู่ที่ถาดปลูกเพื่อส่งข้อมูลไปประมวลที่คอมพิวเตอร์ และ pH ผักที่ปลูกจาก Plant Factory นี้สามารถกินได้เลยโดยไม่ต้องล้าง

DCIM101GOPROGOPR7111.

IMG_7695

3. ทดลอง Plant factory ในรูปแบบตู้กระจก Show Case สำหรับติดตั้งในร้านอาหาร เพื่อแสดงวิธีการปลูกพืชผักระบบนี้ให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในผลผลิต

DCIM101GOPROGOPR7107.

4. Mini Garden เป็นชุดปลูกพืชผักระบบ Plant factory 3ชั้น มีขนาดเล็กใช้พื้นที่น้อยเหมาะสำหรับปลูกในบ้าน ถังน้ำและปุ๋ยตั้งอยู่ด้านล่าง โดยมีปั๊มส่งน้ำขึ้นไปข้างบน และไหลลงมาสู่ชั้นล่างๆ

ชุดปลูกสำหรับปลูกในบ้าน

Mini Garden

Floriculture Research Center

ระบบควบคุมอุณหภูมิในโรงเรือนกล้วยไม้ ของศูนย์วิจัยการปลูกกล้วยไม้ในโรงเรือน

IMG_7658

ภายในศูนย์วิจัยนี้ มีโรงเก็บเครื่องทำน้ำร้อนน้ำเย็น แบ่ง 2 ถัง คือถังน้ำเย็นและถังน้ำร้อน (ในถังน้ำร้อนถ้ามีอุณหภูมิสูงเกิน จะระบายออกไปอีกถังหนึ่งที่มีน้ำไหลFlowออกมานอกถัง)

DCIM101GOPROGOPR7094.

เมื่อทำน้ำร้อนน้ำเย็นแล้วจะถูกปั๊มเข้าไปเก็บไว้ในถังพัก และส่งไปใช้ในโรงเรือนโดยผ่านท่อใต้ดิน
ใช้solar cell เป็นแหล่งพลังงานประมาณ 10 % ของพลังงานที่ใช้ทำน้ำร้อนน้ำเย็น

อีกส่วนนึงคือ โรงเรือนปลูกกล้วยไม้ ด้านหนึ่งของโรงเรือนเป็น Cooling pad ขนาด 60×180ซ.ม. ใช้ 2 ชิ้นซ้อนกันในแนวตั้ง การควบคุมอุณหภูมิในโรงเรือนจะใช้น้ำร้อนและน้ำเย็นที่ส่งผ่านท่อใต้ดินเข้ามา ผ่านเครื่องปล่อยอากาศร้อนเย็นออกมาด้านล่างของโต๊ะปลูก

IMG_7662

เมื่อต้องการปรับอุณหภูมิให้ลดลงจะส่งน้ำเย็นเข้ามา สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ต่ำสุด ประมาณ 10 องศาเซลเซียส
ในทางกลับกัน เมื่อต้องการปรับให้อุณหภูมิสูงขึ้นก็จะส่งน้ำร้อนเข้ามา สามารถควบคุมอุณหภูมิความร้อนได้ ประมาณ 55 – 100 องศาเซลเซียส
และเมื่อส่งน้ำเย็นพร้อมกับน้ำร้อนจะใช้ปรับความชื้นสัมพัทธ์ (%RH) ภายในโรงเรือน

DCIM101GOPROGOPR7098.

 

Ox Orchid ศูนย์กลางการปลูกกล้วยไม้ในไต้หวัน

Ox Orchid เป็นศูนย์กลางการปลูกกล้วยไม้ในไต้หวันเป็นโรงเรือนระบบ Evaporation มีพื้นที่ขนาด 200 เฮกตาร์ (1,250 ไร่) ส่งขายทุกระยะของกล้วยไม้ ทั้งแบบยังไม่มีดอกและออกดอกแล้ว

IMG_7639

โรงเรือนหลังคา 2 ชั้น ทำหน้าที่คนละอย่างกันคือ
– สีดำ เพื่อพรางแสงและกันแสงแดด
– สีเงิน สะท้อนความร้อนที่ขึ้นไปบนหลังคาให้ตกลงมาในโรงเรือน เพื่อกักเก็บความร้อนในฤดูหนาว

IMG_7634

ภายในโรงเรือนมีแถบกาวดักแมลงที่มีสารล่อแมลงให้มาเกาะ และเครื่องดักแมลง ล่อแมงด้วยแสงUV เปิดตอนกลางคืน ด้านล่างจะเป็นถุงให้แมลงตกลงไปแล้วออกมาไม่ได้ ส่วนวัสดุปลุกที่ใช้สำหรับปลุกกล้วยไม้ คือ Sphagnum moss

IMG_7629DCIM101GOPROGOPR7076.

โรงเรือน แบ่งเป็น 3 โซน ตามระยะการเจริญเติบโตของกล้วยไม้และควบคุมอุณหภูมิแตกต่างกัน
1) ระยะต้นกล้า
2) ระยะเตรียมออกดอก ควบคุมอุณหภูมิที่ 30 องศาเซลเซียส
3) ระยะออกดอก ควบคุมอุณหภูมิที่ 25 องศาเซลเซียส

การวางตำแหน่งใบกล้วยไม้ Y Shape เพื่อให้ลมผ่านทั่วถึง ใช้ระบบรางเลื่อนเพื่อลดแรงงานในการเคลื่อนย้ายกล้วยไม้ การให้ปุ๋ยจะให้พร้อมกับการให้น้ำโดยใช้แรงงานคนทั้งหมด ให้คนรดน้ำที่โคนละต้น ในขณะเดียวกันก็ตรวจสอบความสมบูรณ์ของกล้วยไม้ทีละต้นอย่างใกล้ชิดไปด้วย

IMG_7626

มีเครื่องทำน้ำร้อน และน้ำเย็น โดยจะปล่อยน้ำเข้ามาในโรงเรือนเพื่อควบคุมอุณหภูมิในแต่ละฤดูกาล สามารถทำความเย็นได้ขนาดพื้นที่ 1,400 ตารางเมตร และทำความร้อนได้ขนาดพื้นที่ 5,200 ตารางเมตร การตั้งโรงเรือนกล้วยไม้จะหันด้าน Cooling Pad เข้าหากัน เพราะว่าอีกด้านของโรงเรือนจะมีพัดลมดูดอากาศร้อนออกมา

งานนำเสนอ1

IMG_7636

Aquaponics

ณ สถานีวิจัย Tainan district Agricultural Research and Extension Station (Tainan DARES) กำลังทำการวิจัยเกี่ยวกับ Aquaponics ซึ่งเป็นระบบการปลูกพืชร่วมกับการเลี้ยงปลา

IMG_7674.JPG

มีการทดลองการปลูกพืชระบบ Aquaponics จำนวน 3 โรงเรือน

โรงเรือนที่ 1 โรงเรือนสำหรับเลี้ยงปลา

IMG_7624 - Copy
โรงเรือนที่ 2 ปลูกพืชผัก ด้วยระบบ DFT โดยใช้น้ำที่มีธาตุอาหารจากการเลี้ยงปลาในโรงเรือนที่ 1

IMG_7616 - Copy
และโรงเรือนที่ 3 เป็นโรงเรือนที่ปลูกพืชร่วมกับการเลี้ยงปลาโดยใช้ระบบน้ำขึ้นน้ำลง ด้านล่างของกระบะปลูกพืชจะมีถังขนาดใหญ่สำหรับเลี้ยงปลา โดยดึงน้ำจากบ่อปลาขึ้นมาเลี้ยงต้นพืช ซึ่งพืชจะได้รับธาตุอาหารที่อยู่ในขี้ปลานั่นเอง

น้ำขี้ปลาที่ถูกปั๊มขึ้นมา จะผ่านผ้าขาวบางกรองสิ่งสกปรกด้วย

Aquaponic_๑๗๑๐๐๙_0034Aquaponic_๑๗๑๐๐๙_0008 - Copy

วัสดุปลูกที่ใช้ปลูกพืชในกระบะเป็นดินเผา

Aquaponic_๑๗๑๐๐๙_0048 - Copy

พืชที่ปลูก ได้แก่ ผักกาด แก้วมังกร ว่านหางจระเข้ เสาวรส มะละกอ

IMG_7622

 

ใช้เครื่องให้อาหารปลาแบบอัติโนมัติ ปรับเวลาการให้ได้ พืชจะได้รับธาตุอาหารเพียงพอแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณขี้ปลาที่ได้รับ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารที่ปลากินเข้าไปนั่นเอง
ผู้ปลูกจะต้องปรับปริมาณอาหารปลาให้เหมาะสมกับพืชที่จะปลูก

Aquaponic_๑๗๑๐๐๙_0016

 

Sunpride กล้วยไม้ในโรงเรือน

เป็นบริษัทที่ปลูกกล้วยไม้ Phalaenopsis เพื่อการส่งออก ในพื้นที่ของบริษัทแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆคือ งานเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และโรงเรือนปลูกกล้วยไม้

IMG_7516

 

ห้องเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อปลอดเชื้อ 50 unit มีการตรวจสอบการปนเปื้อนในระบบการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 5 ครั้ง ตลอดช่วงการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ กล้วยไม้ที่ผลิตจะถูกส่งออกไปยังต่างประเทศทั้งหมด ประเทศที่ส่งออก ได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป

ที่บริษัทจะจัดแสดงรางวัลต่างๆที่เคยได้รับมา เป็นเครื่องยืนยันให้แก่ลูกค้าว่ากล้วยไม้จากที่นี่มีคุณภาพ สวยงาม

IMG_7461

บริษัท Sunpride มีห้องทดลองสำหรับคัดเลือกสายพันธุ์กล้วยไม้ที่จะนำไปผลิตเพื่อจำหน่ายต่อไป เช่น
–             การหา Shelf Life ของแต่ละสายพันธุ์ เพื่อทดสอบความทนทานของกล้วยไม้ มาตรฐาน Shelf Life ของกล้วยไม้ที่ดี คือ ไม้ตัดดอกต้องมี Shelf Life ประมาณ 1 เดือน ไม้กระถางต้องมี Shelf Life ประมาณ 3 เดือน หากสายพันธุ์ใดไม่สามารถอยู่ได้ครบตามกำหนดอายุที่กำหนด บริษัทจะไม่ผลิตเพื่อจำหน่าย
–             การทดสอบความแข็งแรงทนทานของกล้วยไม้ต่อการสั่นสะเทือนในระหว่างการขนส่ง มีเครื่องทดลองการสั่นสะเทือน โดยจะนำกล้วยไม้ไปวางที่เครื่องสั่นสะเทือนเป็นระยะเวลา 3 วัน (ระยะเวลา 3 วัน คือระยะเวลาที่บริษัทขนส่งกล้วยไม้ไปยังสถานที่ที่บริษัทขนส่งไกลที่สุด คือมอสโค)

1

โรงเรือนปลูก Phalaenopsis มีพื้นที่ 18,000 ตร.ม. (11.25ไร่) ใช้ระบบรางเลื่อนเพื่อลดการใช้แรงงานในการเคลื่อนย้ายกระถางปลูก เพราะเวลาส่วนใหญ่ที่คนงานใช้ จะหมดไปกับการเคลื่อนย้ายกระถาง 30 % จึงคุ้มค่าต่อการติดตั้งรางเลื่อน การเปิดลมภายในโรงเรือนจะเปิดพัดลมให้ไปทิศทางเดียวกัน โดยมีการจัดวางต้นไม้
ให้เหมาะกับทิศทางการเคลื่อนไหวของลม ลมที่เป่าเข้ามาปรับอุณหภูมิในโรงเรือนจะส่งผ่านเข้ามาทางท่อพลาสติกใส เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40 ซ.ม. เจาะรูเป็นระยะ วางตามแนวยาวไปตามพื้น

สำหรับกล้วยไม้ที่เป็นต้นพันธุ์ในการเพาะเนื้อเยื่อจะปลูกแยกไปอีกโซน มีมีดสำหรับตัดเนื้อเยื่อของแต่ละกระถางโดยเฉพาะ จะไม่ใช้มีดร่วมกัน เพื่อลดการกลายพันธุ์ และลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค

IMG_1898

Benson KUO มะเขือเทศในโรงเรือน

บริษัทBenson KUO ได้มีการนำเข้าโครงสร้างของโรงเรือนจากเนเธอร์แลนด์ (แบบ Venlo Greenhouse) ควบคุมสภาพแวดล้อมด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมดและใช้ระบบน้ำหยด มีระบบแจ้งเตือนในกรณีที่ระบบพบความผิดปกติภายในโรงเรือน

IMG_7456IMG_7457

  1. กระบวนการปลูก
    • เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาแบคทีเรียและศัตรูพืชที่ก่อให้เกิดโรคจากภายนอกเข้ามา จึงมีการควบคุมความสะอาดอย่างเข้มงวด และคนงานทุกคนที่เข้าออกจากโรงเรือน จะต้องเปลี่ยนชุด และฆ่าเชื้อก่อนทุกครั้ง
    • ติดแถบกาวเหลืองดักแมลง เป็นแนวยาวตลอดทั้งแถวที่ปลูก
    • ความสูงของต้น สูง 3 เมตร คนงานจะคอยเข้าไปตัดแต่งกิ่ง และพันเถามะเขือเทศเลื้อยขึ้นไปตามเชือกในแนวดิ่ง
    • วัสดุปลูกที่ใช้ในการปลูกมะเขือเทศ คือ ขุยมะพร้าวฆ่าเชื้ออัดแท่ง นำเข้าจากประเทศศรีลังกา ใน 1 แท่งยาว 2 เมตร สามารถปลูกได้ 3ต้น และใช้ได้นาน 1 ปี (2 Crop)
  2. การมอนิเตอร์และควบคุมสภาพแวดล้อม
    • ระบบควบคุมภายในโรงเรือนด้วยคอมพิวเตอร์จากเนเธอแลนด์ ประกอบด้วย ตัวควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เครื่องวัดแรงลม พัดลมช่วยหมุนเวียนอากาศ การเปิดปิดหลังคาโรงเรือนเพื่อระบายอากาศ ควบคุมอุณหภูมิ เครื่องควบคุมการให้น้ำ เปิดปิดวาล์ว เครื่องฆ่าเชื้อน้ำ
    • ข้อดีคือ ทำงานได้ดีหมดทุกอย่าง แต่ราคาแพง
    • 20170905_7_KUO_Vege. growers of Taiwan - Tomato
  3. การให้ปุ๋ย
    • ให้ปุ๋ยโดยละลายไปพร้อมกับน้ำ และมีการนำน้ำที่เป็นส่วนเกินจากที่พืชไม่ใช้ นำกลับมา Reuseใช้อีกครั้ง โดยผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อก่อนที่จะนำกลับเข้ามาในระบบใหม่
    • ใช้ระบบน้ำหยด
    • มีเซนเซอร์วัดความชื้นของวัสดุปลูก และชั่งน้ำหนักวัสดุปลูกเป็นระยะๆ เพื่อคำนวณว่าพืชใช้น้ำไปปริมาณเท่าไหร่ (น้ำที่ให้ – น้ำที่เหลือ = น้ำที่ใช้ไป) แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อปรับปริมาณการให้น้ำและสารอาหารให้เหมาะสมต่อไป
  4. การผสมเกสรตามธรรมชาติ
    • ใช้ผึ้ง Bumble Bee นำเข้าจากเบลเยียมเพื่อช่วยผสมเกสรให้มะเขือเทศ
    • 3
  5. การตลาด

ก่อนจะปลูกอะไร ต้องคำนึงถึง
5.1 ความต้องการของตลาด
5.2 แนวทางการทำการตลาด ตลาดเป้าหมาย
5.3 Scaleที่ควรทำ ใหญ่แค่ไหนจึงจะเหมาะสม
5.4 ต้องมีผู้จัดการฟาร์มที่ดีเหมาะสม
5.5 มีเทคโนโลยีที่ดีและเหมาะสม
และที่สำคัญคือต้องมี connectionที่ดีกับ supplier, มหาวิทยาลัย, นักวิชาการ, support team

เมื่อถามถึงปัญหา ว่าเคยมีเหตุการณ์ที่ระบบมันErrorทำงานผิดพลาดบ่อยไหม ก็ได้รับคำตอบว่า

“มีทุกวัน ระบบต่างๆมีปัญหาเกิดขึ้นตลอด ต้องโทรไปปรึกษาเนเธอแลนด์เสมอ แต่ความจริงแล้ว ถ้าจะใช้ระบบนี้ ควรมีการไปฝึกอบรมที่ประเทศเนเธอแลนด์อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้เข้าใจระบบอย่างถ่องแท้ เมื่อมีปัญหาจะได้สามารถแก้ได้ด้วยตนเอง”

IMG_1733

“ถ้าทั้งโรงเรือนและระบบคอมพิวเตอร์พวกนี้เป็นรถยนต์ เราต้องเป็นคนขับ ต้องขับได้เอง ไม่ใช่แค่จ้างคนขับมาขับให้เรา”

เป็นคำเปรียบเปรยที่เห็นภาพชัดเจน อึ้งไปเลยทีเดียว
แม้เขาจะมีเงินซื้อระบบ จ้างคนมาดูแล แต่เขาก็คิดว่าตัวเขาเองนี่แหละ ต้องทำเองเป็นด้วย

อย่างไรก็ตาม เค้าก็บอกว่าระบบนี้มันเชื่อถือได้สูง ถ้ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น มันจะร้องเตือนให้เราเค้าไปตรวจสอบก่อนเสมอ เพื่อให้ไปแก้ไขได้ทันการ จะไม่ปล่อยให้ความมันเสียหายเกิดขึ้นกับต้นไม้ที่เราปลูก

ข้อเสียอย่างเดียวของระบบนี้ก็คือแพง

IMG_7458

Plant Factory ในบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ CAL – COMP

CAL – COMPเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์  เครื่องคิดเลข เครื่องคำนวณต่างๆ (มีโรงงานในประเทศไทยอยู่หลายสาขาด้วย)
และได้มีธุรกิจย่อย ผลิตพืชผักระบบ Plant factory ภายในออฟฟิศบริษัทเอง และตึกเก่าของโรงงาน

ผลผลิตพืชผัก ของบริษัทจะส่งจำหน่ายโรงแรมและซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองไทเป

IMG_7362

ห้องปลูกผักใช้ระบบ Electronic production line คือชั้นปลูกผักที่จะเลื่อนถาดปลูกจากริมด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า โดยจะนำต้นกล้ามาปลูกที่ด้านนึง แล้วค่อยๆเลื่อนไปอีกฝั่งของชั้นเมื่อผักเริ่มโตขึ้น และจะถึงเวลาเก็บเกี่ยวพอดีเมื่อผักเลื่อนไปจนสุดอีกด้าน

IMG_7367

ที่นี่ผลิตผัก 11 ชนิด โดยจะเน้นที่ผักกินใบ เพราะต้นเตี้ยสามารถปลูกบนชั้นหลายๆชั้นได้ และไม่ต้องผสมเกสร

ได้ผลผลิตประมาณ 1000ต้นต่อวัน ส่งขายไปยังโรงแรมห้าดาว, Premium supermarket และบางส่วนขายออนไลน์
วิธีปลูกแบบนี้จะทำให้ปลูกได้ตลอดปี สภาพแวดล้อม ดินฟ้าอากาศ ไม่มีผลต่อการผลิตใดๆ แต่มีปัญหาอย่างเดียวที่พบคือเมื่อไฟฟ้าดับ เพราะฟังก์ชั่นกรทำงานของระบบ Plant Factory ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ทั้งการควบคุมอากาศ แสง ระบบน้ำ ถ้าไฟดับเป็นระยะเวลานาน ผักจะเสียหาย ไม่แข็งแรง หยุดเจริญเติบโต

ราคาขายของที่นี่จะสูงกว่าผักที่ปลูกด้วยระบบ Plant Factoryอื่นๆ 3 เท่า เพราะควบคุมเชื้อโรคอย่างดี ผักสะอาดจนสามารถทนได้ทันที ไม่ต้องล้าง แม้ราคาจะสูงแต่ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะ

  1. เมื่อซื้อไปแล้ว สามารถทานได้หมดเลยทุกส่วน ไม่มีใบที่เน่าเสีย
  2. ไม่มีแบคทีเรียอยู่ที่ผัก ทำให้ไม่เน่าเสียเร็ว ช่วยให้เก็บได้ยาวนานกว่าผักทั่วไป
  3. ลดขั้นตอนในการทำอาหารและแรงงานในการล้าง หรือเด็ดใบเสียทิ้ง เช่น พ่อครัวของโรงแรมห้าดาวต่างๆ สามารถแกะผักออกจากห่อแล้วนำไปประกอบอาหาร หรือประดับจานได้ทันที

สุดท้าย เขาอธิบายว่ามีหลายๆบริษัทพยายามมาศึกษาระบบการปลูกของที่นี่
แต่ที่จริงแล้วความยากไม่ได้อยู่ที่ระบบ แต่การขายอย่างไรต่างหากที่ยากกว่า

 

Electrolysis water เพื่อการฆ่าเชื้อในอุตสาหกรรมการเกษตร

โดย Grand Union Environmental Control Co., Ltd.

บรรยายเกี่ยวกับเรื่อง Electrolytic sterilization water เป็นน้ำมีที่คุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทรงพลัง มีประสิทธิภาพสูง สามารถกำจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อ E. Coli ได้ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สามารถสัมผัสได้แต่ก็ไม่ควรเอามาดื่ม เอาไปใช้ประโยชน์ได้หลายอุตสาหกรรม ได้แก่

  • การปลูกพืชระบบ Plant factory (ล้างอุปกรณ์ รองเท้า มือ ล้างตัว)
  • อุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ (ไก่ สุกร ปลา)
  • อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร (ใช้ล้างมือ ล้างจาน อุปกรณ์ที่จะสัมผัสกับอาหาร)
  • สระว่ายน้ำ
  • ฆ่าเชื้อโรคในรถเก็บขยะ, ห้องน้ำ ส้วม
  • การปลูกพืช (ฆ่าเชื้อวัสดุเพาะ ล้างผลไม้เพื่อยืดอายุ Shelf life)
  • ใช้แทนสารเคมีในระบบการปลูกพืชอินทรีย์ได้
  • ประมง (ล้างปลา ล้างเศษซากที่เหลือจากสัตว์ ระงับกลิ่น แช่แข็งด้วยน้ำ Electrolytic waterจะทำให้ละลายช้าลง)
  • ฆ่าเชื้อในอากาศโดยการสเปรย์หมอก
  • ฟาร์มปศุสัตว์ (ทำความสะอาดอากาศ, กรง, พื้น)

ในต่างประเทศจะมีกฎหมายด้วยว่าอุตสาหกรรมไหนต้องใช้ Electrolytic sterilization water ที่บริสุทธิแค่ไหน และใช้ขั้นตอนไหนบ้าง

วิธีการทำ Electrolysis water มี 2 แบบคือแบบมีเมมเบรน และแบบไม่มีเมมเบรน
method1method2

 

นอกจากนั้น ยังมีการสาธิตวิธีการทำ Electrolysis water โดยใช้เครื่องพกพา

ทำได้ครั้งละ 5 ลิตร ตลอดอายุการใช้งานสามารถผลิตได้ 2000 ครั้ง
น้ำที่ออกมามีค่า FAC (Free Active/Available Chlorine) 2000ppm

  1. ผสมน้ำ 5 ลิตรลงไป และเกลือ(NaCl) 500 ml เข้าด้วยกัน
  2. คนจนเกลือละลายจนหมดประมาณ 30-60วินาที
  3. ค่อยๆเทลงไปในเครื่อง
  4. เสียบปลั๊ก และเปิดสวิตช์ให้เครื่องเริ่มทำงาน
  5. รอประมาณ 20 นาที เป็นอันเสร็จ สามารถเปิดก๊อกเอาน้ำ Electrolysis water ไปใช้งานได้

ชมVDO>> สาธิตวิธีการทำ Electrolysis water โดยใช้เครื่องพกพา

Reference:  รูปภาพจากเอกสารประกอบการอบรม ” Applying electrolysis water for sanitation purpose in agriculture” ในงาน 2017 International Training Course of Value – Added Controlled Environment  Agriculture, Taipei, Taiwan

Successful business model of annual production in greenhouse

โดย Dennis Wang จากหน่วยงานTainan District Agricultural Research and Extension Station, COA

นำเสนอเกี่ยวกับรูปแบบการปลูกพืชหมุนเวียนในโรงเรือน ซึ่งรูปแบบการปลูกพืชหมุนเวียนในช่วงฤดูร้อนจะปลูกพืชผัก และฤดูหนาวจะปลูกไม้ตัดดอก ซึ่งในฤดูร้อนปลูกพืชผักเพราะเป็นพืชอายุสั้น ราคาสูง จะได้กำไร เช่น มะเขือเทศ แตงกวา ในฤดูหนาวจะปลูกไม้ตัดดอก เช่น เบญจมาศ (Spray mums) Eustoma และมีการปลูกข้าว ข้าวโพด หรือพืชปุ๋ยสด ระหว่างฤดูร้อนกับฤดูหนาว

IMG_7451

การปลูกมะเขือเทศนั้นจะเจริญเติบโตได้ดีในเดือนมีนาคม แต่ถ้าปลูกในช่วงเดือนเมษายนจะได้ผลตอบแทนสูงกว่า เนื่องจากผลผลิตขาดตลาด ราคาสูง สำหรับไม้ตัดดอกส่วนใหญ่จะส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น

การปลูกพืชหมุนเวียนระบบนี้ทำให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนสูงกว่าปกติ และสามารถป้องกันการเกิดโรคพืชได้

1

ภาพที่ 11  รูปแบบการปลูกพืชหมุนเวียนในฤดูร้อนและฤดูหนาวของประเทศไต้หวัน

การให้น้ำผ่านท่อน้ำซึม Leaky-Pipe

โดย AgriGaia Social Enterprise ได้บรรยายเกี่ยวกับการให้น้ำพืชใต้ดิน (Bionic underground) ผ่านท่อน้ำซึมฝังดินที่บริษัทคิดค้นขึ้นมาโดยมุ่งไปที่การปลูกพืชอินทรีย์ น้ำที่ให้ผ่านท่อนี้จะค่อยๆซึมออกมาให้พืชดูดไปใช้ โดยประโยชน์ของการให้น้ำจากใต้ดิน จะทำให้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพืชเจริญเติบโตได้ดี ลดการระเหยของน้ำ ส่งเสริมการดูดซึมธาตุอาหารพืชจากทางรากพืช ช่วยในการตรึงคาร์บอน พืชมีการดูดซึมน้ำจากรากโดยตรง

AgriGaia

ข้อดีของการให้น้ำระบบนี้คือ
ไม่แพง ประหยัดเวลาและแรงงานในการให้น้ำ ใช้ได้กับพืชหลายชนิด โดยให้น้ำร่วมกับธาตุอาหารพืชทุกวัน เป็นเวลา 3 นาทีต่อวัน เป็นการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดินได้รับน้ำทั่วถึงทั้งที่ลึกและตื้น ผิวดินไม่ชื้นเกินไป ลดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช และนำไปใช้ช่วยในการปรับปรุงดินได้ด้วย โดยสารปนเปือนต่างๆ เช่น เกลือ ที่อยู่ในดิน จะค่อยๆระเหยขึ้นมาที่ผิวเพื่อให้เรากำจัดออกได้
ท่อน้ำซึมจะวางตัวเป็นครึ่งวงกลมโค้งตั้ง การวางแบบนี้ทำให้การกระจายตัวของน้ำดี

IMG_7230

Reference:  รูปภาพจากเอกสารประกอบการอบรม ” Organic farmer and system builder” ในงาน 2017 International Training Course of Value – Added Controlled Environment  Agriculture, Taipei, Taiwan