วันนี้เป็นวันแห่งการตามติดชีวิตเรน
จริงๆเหมือนไม่ได้ทำไร แต่การได้ตามติดชีวิตเรนมันก็มีประโยชน์มากทีเดียว
เนื่องจากตอนเย็นจะมีนักท่องเที่ยวมาที่โรงงานเรน เลยต้องมาเตรียมอุปกรณ์และสถานที่ เตรียมข้าวสารมาโชว์ จัดโต๊ะเก้าอี้
เรนพาเข้าไปดูห้องเย็นที่เก็บข้าวเปลือก ใหญ่มาก ไม่รู้มีตัน เป็นข้าวที่เก็บไว้รอการเอาออกมาสีภายหลัง เรนเข้ามาเอาข้าวที่สีไว้แล้วแต่ยังไม่ขัดสี เพื่อใช้อธิบายนักท่องเที่ยงเย็นนี้

เรนเอาถังข้าวเล็กๆหลายอัน มาใส่ข้าวหลายๆแบบที่มาจากการสีแต่ละขั้นตอน เอามาวางเรียงกันตามลำดับ
วันนี้จะให้นักท่องเที่ยวเล่นเกมส์ เรียงลำดับข้าว
โอ๋ววว(คำอุทานของเรน) เป็นกิจกรรมที่ได้ความรู้จริงๆ

มีเครื่องขัดสีข้าวขนาดพกพาด้วย เรนจะเอามาโชว์ขัดสีให้ดู
เลยมาทำความสะอาดเครื่องรอไว้

ได้เดินขึ้นไปชั้น2ของออฟฟิศ เรนบอกว่าจะทำเป็นที่จัดกิจกรรม เป็นห้องเรียน
มันต้องเป็นห้องเรียนที่วิวสวยมากเลย


เสร็จจากการเตรียมงาน ก็มานั่งที่ร้านกาแฟของเนว ขนกระเป๋ามาเก็บที่ห้องที่เราจะนอนกันคืนนี้
ที่นี่ก็กำลังเตรียมงานคืนนี้เหมือนกัน งานแบ่งปันความรู้เรื่องชนิดของกาแฟ
เราถามเรนว่า แล้วก่อนที่จะถึงเวลาที่นักท่องเที่ยวจะมาในตอนเย็น พวกเราจะทำไรกัน
“Go Happy”
เอิ่ม เพิ่งเคยเห็นคนใช้คำนี้ครั้งแรก มันคือช่วงเวลาอิสระ เที่ยวเล่น ไม่ต้องทำงาน อะไรอย่างงี้ใช่มั้ย
โอเคเราเริ่ม Go happyกันด้วยการนั่งรถไป Yuli เมืองข้างๆ เพื่อไปกินอาหารไทยกัน
เฮ้ยย อาหารไทย…คิดถึงรสชาติจัดจ้าน ความเผ็ดเหงื่อไหล ข้าวหอมมะลิ และช้อนส้อม
ร้านนี้เล็กๆง่ายๆ มีปฏิทินรูปรัชกาลที่9ติดอยู่ที่กำแพง (ตกแต่งสไตล์ร้านอาหารไทยมาก)
แม่ครัวเป็นคนไทย อาหารก็เลยเหมือนไทยมากๆ กะเพราะหมูสับ ส้มตำไทย
หลังจากนั้นก็กลับ ขากลับเปิดเพลงที่ได้ยินที่โรงงานเมื่อวานและติดหูมาถึงตอนนี้ เรนบอกว่าเป็นเพลงของชาวพื้นเมือง เค้าฉลองกันเหมือนงานปีใหม่ แล้วเพลงก็จะเปลี่ยนไปทุกปี
แล้วพวกก็นั่งร้องเล่นกันไประหว่างทาง

ผ่านทุ่งนาข้าวที่ปลูกข้าวไรซ์เบอรี่แทรกให้เป็นรูปหมีด้วย แถมปลูกตรงที่มีสะพานข้าม เมื่อรถวิ่งผ่านสะพานก็จะสามารถเห็นหมีในมุมสูงได้ ใหญ่มากๆๆ อลังการ

กลับมาถึงบ้านเรนเพื่อแพคของ ร่ำลาอากง แล้วก็ย้ายมาที่ร้านกาแฟ บ้านพักที่สุดท้ายของเราที่ฟูลิ
บ้านนี้แต่ก่อนก็เป็นบ้านที่เนวและฟ่านฟ่านอยู่สมัยเด็กๆ แต่ตอนนี้รีโนเวทเป็นร้านกาแฟข้างล่าง และบางห้องทำเป็นห้องสำหรับแขกมาพัก
พอได้เดินสำรวจไปมาพบว่าใหญ่กว่าที่คิด มีสามชั้น แม้หน้าจะแคบ แต่บ้านก็ลึกมาก ร้านกาแฟเป็นแค่ส่วนเล็กๆในบ้านใหญ่ๆ

จบแล้วช่วงเวลา Go happy ต่อไปคือการไปต้อนรับนักท่องเที่ยวที่โรงงานเรน
แต่เราว่ามันก็ happyอยู่ดี
เรายืนรอขบวนรถของนักท่องเที่ยวกันหน้าโรงงาน รอไปร้องเพลงไป เพลงที่ติดหูมาตลอดวันนี้ พวกเราทำให้เรนติดหูไปด้วย
Ho-i-ya-o-i….
ก่อนหน้านี้เราดูงานมาหลายที่ วันนี้เรากลายมาเป็นคนช่วยต้อนรับคณะดูงานด้วยซะงั้น ช่วยหรือเป็นภาระไม่รู้ …..ก็ตื่นเต้นดีเหมือนกัน
รอไปรอมา นักท่องเที่ยวยังไม่มา แดดก็ร้อนมากๆ เรนชวนกันถ่ายรูปเล่น

มีแขกมา18คน พอแขกมาเรนก้อต้องแนะนำตัวพวกเราเหมือนทุกครั้ง เราฟังได้อยู่คำเดียวคือ “ฮามิกั๋ว” ซึ่งแปลว่าเมล่อน เรนคงจะอธิบายว่าเราปลูกเมล่อนที่ไหน
ได้ยินฮามิกั๋วทุกครั้งที่เรนพาไปเจอคนแปลกหน้า
เรนพาแขกทั้ง 18 คนไปนั่งที่เนินหน้าโรงงาน เนินเริ่มร่มแล้ว ทุกคนดูชอบวิวจากเนินนี้ เหมือนกับที่เรารู้สึกครั้งแรกที่มา เรนยืนอธิบายอะไรไม่รู้นานมากๆ ในขณะที่แขกก็ฟังไป นั่งเล่นชิมวิวไป
เป็นการบรรยายที่ดูผ่อนคลายสุดๆ

ซักพักป่ะป๊าเรนก็มากวักมือชวนเรากับเปิ้ลไปปอกฝรั่งรอ เพื่อให้แขกกินหลังจากฟังเรนพูดเสร็จ
ฝรั่งนี้ คืออันที่ป่ะป๊าชวนชัยไปเก็บมาเมื่อเช้าแน่ๆ เปิ้ลลงมือปอก ส่วนเราไม่ค่อยถนัดปอก (ปกติไม่กินผลไม้ด้วยซ้ำ ยกเว้นเมล่อนของตัวเอง) ก็เลยนั่งเรียงใส่จานให้สวยๆไปละกัน
ส่วนป่ะป๊า ก็เอาส้มโอมาเตรียม และยกอุปกรณ์ชงชาออกมาเตรียม
ป่ะป๊าเรนมาพร้อมชาตลอดอ่ะ ทุกครั้งที่เรนพามาแวะที่โรงงาน ป่ะป๊าจะนั่งชงชาอย่างพิถีพิถันสุดยอด แล้วรินให้เรากินกัน มันเป็นภาพเดิมแบบนี้ซ้ำๆซักประมาณ 3 ครั้งได้
มีกิจกรรมให้ทุกคนทำ คือวาดรูปบนขวดพลาสติก และพาไปขัดสีข้าวให้ดู แล้วใส่ขวดที่วาดนั้นกลับบ้านไปเป็นของที่ระลึก

ต่อมาก็เกมสลับลำดับข้าว คือจะเอาข้าวที่วางเตรียมไว้ตามลำดับการเกิดจากก่อนไปหลัง เอามาสลับตำแหน่ง แล้วให้นักท่องเที่ยวมาเรียงลำดับใหม่ให้ถูกต้อง เช่นข้าวเปลือกมาก่อน แล้วสุดท้ายเป็นข้าวขาว
เล่นจบปุ้บทุกคนก็จะรู้ขั้นตอนการสีข้าวทั้งหมด
ทุกคนดูสนุกมาก เรนก็เป็นผู้บรรยายที่ดูร่าเริง พูดเก่ง
เรนบอกว่ามีแขกมาแบบนี้ประมาณเดือนครั้งได้ และมีรายได้จากแขกคนละ150$

เรนใจดีและActiveมาก ขนาดกำลังวุ่นวายกับแขกเหรื่อ ก็ยังมีเวลามาดูแลพวกเรา คอยถามว่าเอาข้าวมั้ย และไม่ลืมที่จะเรียกมาถ่ายเซลฟี่กัน
ตอนจบเราถามว่าเหนื่อยมั้ย เรนบอกว่าบอกว่าไม่เหนื่อย ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มปกติ
พลังเยอะจริงๆ แล้วถามเราอีกว่า “ห่าวหวานมา” แปลว่าสนุกมั้ย
สนุกสิคะ.. Go happy จริงๆวันนี้

พอแขกกลับกันหมด เรนก็ดูรีบๆ รีบกลับมากินข้าวที่โรงแรมของฟ่านฟ่าน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านกาแฟที่พักของเราประมาณ 10 เมตร
แม่ฟ่านๆเป็นคนทำอาหารเองทั้งหมด อร่อยมาก มีหมูห่อชีสทอดด้วย

มื้อนี้กินกันหลายคนเลย มีเนว ลูกเมียเนว เพื่อนเนว ฟ่านฟ่าน เฉินมามา(แม่ของเนวและฟ่านฟ่าน) เรน และหมินจง

ฟ่านๆเป็นคนอารมณ์ดีมาก หัวเราะตลอด คือทุกครั้งที่คุยกัน (ย้ำว่าทุกครั้ง) มันต้องมีเรื่องให้ตลกแล้วหัวเราะตลอด
กินเสร็จปุ้บ หมินจงก็รีบต้อนพวกเราให้เดินไปที่ร้านกาแฟ
อ้อ เป็นงานกาแฟที่เราเห็นเค้าเตรียมสถานที่กันเมื่อเช้านี่เอง
เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเราได้มาร่วมงานด้วย นี่งานก็กำลังจะเริ่ม
อ๋อ.. คือที่เรนรีบๆออกมาจากโรงงาน รีบกินข้าว ก็เพื่อมางานกาแฟนี่เอง !

แน่นอนว่างานนี้พูดกันด้วยภาษาจีนล้วน เราไม่เข้าใจแม้แต่นิด แต่ก็นั่งฟังอย่างตั้งใจต่อไป ดูรูปก็ได้
เราถามเรนว่า “งานนี้มีเพื่ออะไรหรอ มาสำรวจความชอบ มาอธิบาย หรือยังไง”
เรนบอกว่า เป็นการมาสอนให้คนที่นี่รู้จักว่าในfuliมีกาแฟอะไรบ้าง
งานกาแฟจบไปประมาณ 3ทุ่ม
แล้วก็เดจาวู นั่งคุยยัน5ทุ่ม ไม่ถึง5ทุ่มไม่เลิกเด็ดขาด
วันนี้มีลองเลก(เค้าขายาว เลยให้เราเรียกเค้าว่า long leg) และเฉินมามาเข้ามาร่วมคุยด้วย
แม้จะนั่งคุยทุกวัน เรื่องมันก็ไม่ซ้ำซากจำเจนะ เพราะคนที่เรานั่งคุยด้วยผลัดเปลี่ยนกันไปเรื่อย
จากซ้ายไปขวา เฉินม้า(แม่ของฟ่านๆและเนว) ลองเลก ฟ่านๆ เรน

จบแล้วค่ะ วันของเรน ได้เรียนรู้อะไรมากเลย
ได้รู้ว่าเรนขยันมาก พูดเก่งมาก ติดต่อกับคนเยอะมากๆ
เรนคุยโทรศัพท์แทบจะตลอดเวลา มีทั้งลูกค้า เพื่อน เจ้าหน้าที่รัฐบาล
ต้องจัดการอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน รวมทั้งจัดการเรื่องดูแลพวกเราด้วย
บางวันเรนนอนตีสอง นั่งเขียน Proposalไปเสนอรัฐฯ และก็มีหลาย Proposalที่ทำอยู่ด้วย
และที่สำคัญคือ เราไม่เคยเห็นเรนทำหน้าเหนื่อยเลย มีแต่ความยิ้มแย้ม
เป็นคนที่มีพลังเยอะจริงๆ สามารถสร้างสรรอะไรๆได้มากมาย
ทำได้ไง อยากมีพลังแบบนั้นบ้าง
