วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ทำงานในโครงการ On the Job Traning นี้
ถึงมันจะเป็นการถอนหญ้าในทุ่งนาของเนวเหมือนกับเมื่อวานก็เถอะ ต้องทำให้ดีที่สุด
ตอนขับรถไปนาข้าวของเนว ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำอันนึง
เนวบอกว่า เคยมีไต้ฝุ่นหนักๆเข้ามา สะพานพังไปหลายเดือน ไปนาข้าวของตัวเองไม่ได้เลย ทุกคนที่ต้องข้ามสะพานนี้ก็เดือดร้อนเหมือนกันหมด ถ้าจะไปก็ต้องอ้อมเขาไปอีกทาง เป็นชั่วโมงๆ
เช้านี้เนวพาไปไหวศาลตายายของเค้าด้วย คล้ายๆาลพระภูมิของไทยมั้ง คุ้มครองชาวนาแถวนี้
มาอยู่กับเกษตรกรออแกนิกที่นี่ เราได้เรียนรู้ว่า แม้งานมันจะดูน่าเบื่อ ดูหนักและเยอะ แต่เค้าก็ทำ ค่อยๆทำ ขนาดเนวดูวัยรุ่นขนาดนี้ แต่พอมาเข้าโหมดชาวนา เค้าก้อก้มหน้าก้มตาเก็บหญ้า ไม่ต่างจากก่วงม้า
ความขยัน ความมีอุดมการณ์ และมีเป้าหมาย มันช่วยกันทำให้ประสบความสำเร็จ
มันน่าประทับใจมาก ดีใจที่ได้มาสัมผัส
วันนี้เราเปิดเพลงฟังระหว่างถอนหญ้าด้วย เพื่อให้เนวรู้ว่าถ้าต่อไปเหงาๆ ก็เปิดเพลงไปด้วยก็ได้นะ
เรามักจะเปิดเพลงเวลาทำงานในสวนของตัวเองเหมือนกัน
เสร็จจากทำนา อาบน้ำกินข้าวปุ้บ เรนก็มาพาไปซื้อรองเท้าบูทที่ Yuli
เนื่องจากรองเท้าที่เนวให้เราใส่ที่นี่มันดีมาก ดีจนอยากซื้อกลับบ้าน
ปกติเราไม่ค่อยใส่บูธเพราะมันรำคาญ หนัก และเจ็บ พอไม่ค่อยใส่ ก็จะเกิดบาดแผลบ้าง เดินลุยดินโคลานไม่ได้บ้าง แต่ของเนวใส่สบาย อยากใส่แบบนี้ที่สวนตัวเอง เลยเคยถามเนวไว้ว่าซื้อที่ไหน
เนวก็คงยังไม่ลืม ที่จะบอกให้เรนพาเราไปซื้อ
อยู่ที่นี่ ถ้าแสดงความอยากได้ อยากกิน อยากทำอะไร มันจะได้เสมอ พวกเค้าไม่เคยลืม ไม่เคยเพิกเฉย
ร้านที่เรนพาไปก็เป็นร้านขายอุปกรณ์ช่างธรรมดาข้างถนน ไม่ได้อยู่ในห้างอะไร แต่ก็มีของครบ รวมถึรองเท้าบูธนำเข้าจากญี่ปุ่นคู่นี้ด้วย
เรากะชัยซื้อกันไปคนละคู่
ขากลับเราถามเรนว่า เหนื่อยมั้ยมีพวกเรา
เรนตอบ ไม่เหนื่อยเลย มีความสุขมาก
พอกลับมาถึงก็ยังไม่ดึกพอที่จะกินข้าว เนวพานั่งรถไปดูบ่อเลี้ยงปูของญาติเนว
ต้องขับขึ้นไปบนเขา ขึ้นไปไกลมาก ทางขึ้นเริ่มขรุขระ(เป็นครั้งแรกที่เจอทางขรุขระที่นี่) ถนนบนนี้ไม่มีใครใช้หรอกนอกจากเค้าและครอบครัว เพราะที่ดินเป็นของครอบครัวเค้าหมดเลยแถวนี้
มิน่า เพื่อนๆถึงชอบพูดกันว่าฟ่านฟ่านรวย
บ่อปูมีปูยั๊วะเยี๊ยะเลย เค้าซื้อปูเล็กๆมามากล่องละ10,000บาท ประมาน1050ตัว
ตอนเริ่มเลี้ยงในบ่อ ใส่ปูตัวเล็กๆไป 3000ตัว เลี้ยง7เดือนก็เก็บขาย แต่ตอนเก็บจะเหลืออยู่ 300 ตัว
เพราะมันกินกันเองมั่ง ไม่ก็หนีออกไปมั่ง
น้ำที่เอามาเลี้ยงปูก็มาจากภูเขา ก็ไม่มีคนอื่นใช้อีกเหมือนกัน ใสสะอาดมากๆ
เสร็จจากการดูปู ก็ลงเขามาเริ่มทำอาหารไทยกัน ที่ห้องครัวของโรงแรมฟ่านฟ่าน
วุ่นวายอุตลุด แต่ก็สำเร็จลงได้ ทะยอยยกจานกันไปกินที่ร้านกาแฟ เพราะปาร์ตี้อำลาคืนนี้จัดที่นั่น
ทุกคนก็ดูกินได้นะ โดยเฉพาะไข่เจียว เฉินม๊าสนใจในไข่เจียวมาก ถามกันมากว่าใส่อะไรลงไป
ส่วนต้มยำกุ้งหม้อใหญ่ก็ได้รับการตอบรับอย่างดี คนที่นี่กินซุปกันตอนสุดท้าย ต้มยำกุ้งก็เลยเพิ่งจะถูกซดกันตอนสุดท้ายนี้เอง
หลังกินข้าว มีวิดีโอพิเศษๆจากพวกเขา เป็นภาพความประทับใจที่ถ่ายกันมาตลอดระหว่างที่พวกเราสามคนอยู่ที่นี่ เค้าเอามารวมกันและทำเป็นวิดีโอ ใส่เพลงประกอบเป็นปลุกใจของชาวAmis ที่พวกเราติดหูกันมาตลอด และร้องตลอดเวลานั่งรถ
ช่างเป็นคนละเอียดอ่อนและใส่ใจมาก
(เชิญชมคลิปจริงๆได้ ที่นี่ อันนี้เรนอัพเอาไว้ให้)
มีเค้กโผล่มา ฟ่านฟ่านเป็นคนทำเองกับมือ เพราะใกล้วันเกิดเปิ้ลแล้วก็เลยเอามาฉลอง
ช่างเป็นวันที่พร้อมหน้าพร้อมตาและอบอุ่นอะไรเช่นนี้ เค้ามอบเสื้อของกลุ่มเค้าให้เราด้วย เป็นที่ระลึก ก็เอามาใส่เลยและถ่ายรูปรวม
ทุกคนมาหมดแม้กระทั่งญาติของลัมลูที่อยู่บนเขาก็ลงมางานนี้
ในวิดีโอมีภาพวันแรกที่พวกเค้ามารับเราที่สถานีรถไฟแบบพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยด้วย
11คืนมันผ่านไปเร็วอะไรปานนี้
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ต้องนั่งคุยจนถึงดึกเช่นเคย แต่ไม่เป็นไรหรอกนี่เป็นคืนสุดท้ายแล้วที่จะได้นั่งแบบนี้
ยกเว้นหมินจงคนเดียวที่ไม่อยู่ที่นี่ ชัยบอกว่า คิดถึงหมินจงเนอะ
อืม เราก็คิดถึงเหมือนกัน
เก่อเก้อ ลูกคนโตของเพจ เข้ามากอดเรากะเปิ้ล เป็นเด็กที่รู้เรื่องแล้วจริงๆ แถมยังมาบอกเราอีกว่า
เจอกันอีกsummerหน้า
และตี่ตี้ด้วย ตอนแรกก็ลังเล ไม่ยอมเข้ามาหา เด็กคงเขิล
ไปๆมาๆ ก็มานั่งข้างหลังรอให้เราหันไปกอด ตี่ตี๋ล่ออ่ อยากข้ามไปเห็นตี่ตี๋ตอนโตเลย
ที่นี่ทำให้เรารู้ว่า ปัจจัยที่จะทำให้ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นเกิดขึ้นมาได้นั้น มันไม่เกี่ยวกับภาษาอีกต่อไป
แม้จะคุยกันคนละภาษาแต่เราเชื่อมกันได้ด้วยอะไรบางอย่าง
จบจากการคุยกันข้างล่าง เราก็ขึ้นมานอนคุยกับเปิ้ลต่อ ทบทวนเรื่องราว ผู้คน ที่เกิดขึ้นที่นี่
ไม่รุ้เราจะจำได้ไปอีกนานแค่ไหน ถ้าไม่อยากลืม เราต้องมาทบทวนกันบ่อยๆ
[…] Day10 ถอนหญ้า นาข้าวอินทรีย์ […]
LikeLike