เมื่อคืนมี Big Cleaning เสื้อผ้าของเราสามคน แค่เสื้อผ้าพวกเรา ราวตากผ้าบ้านเรนก็เต็มเอี๊ยดละ
ตื่นเช้าขึ้นมา เรนนัดออกจากบ้าน 7 โมง
เราออกมารอก่อนเวลา เลยมีเวลาเดินเล่นหน้าบ้านเรน เป็นบ้านที่ตั้งอยู่บนตีนเขา มีโรงเก็บของ เก็บฟืน
อากงก็ตื่นเช้า พาเราดูสวนดอกไม้ของอากงด้วย
อากงนี่เอง ที่เป็นมาสคอตของข้าวของเรน(เกิดเป็นอากงก็เป็นมาสคอตได้นะ)
เราเคยเห็นรูปอากงบนห่อข้าวที่วางโชว์ในออฟฟิซ
วาดรูปได้เหมือนทีเดียว ดีใจที่ได้เจอตัวจริงค่ะอากง
อาหารเช้าวันนี้ เรนพาไปแวะซื้อก่อนจะไปโรงงาน เป็นไชโป้ว ไข่เจียว ปาท่องโก๋ ทุกสิ่งรวมกันห่ออยู่ในข้าว ไม่รู้คนอื่นอร่อยมั้ย แต่เราอร่อยมาก เพราะยัดไส้ด้วยของโปรดเราทุกอย่าง กินคนละก้อน อิ่มเลย
เรนเรียกว่า ซูชิไต้หวัน
ก่อนจะเริ่มงาน เรนพาไปเจอ จางปาป้า เป็นชาวนาอายุเกือบ60ละ ใช้โดรนโรยปุ๋ยอินทรีย์ โดรนนี้จางปาป้าซื้อเอง ใหญ่กว่าที่หมินจงใช้วันก่อนอีก ทันสมัยมากเลย
วันนี้พวกเราดันยืนอยู่ใต้ลม เลยต้องใส่หน้ากากกันปุ๋ยเข้าจมูก(จางปาป้าแจกให้คนละอัน)
เรนเป็นภูมิแพ้ ไอหนักมาก แต่ไม่ชอบใส่หน้ากาก และท่าทางจะนอนน้อยทุกวันด้วย
คือเป็นผู้ชายที่ทำงานหนักและยุ่งตลอดเวลาจริงๆ
เรนอยู่ในห้องทำงาน หน้าคอม กินข้าวเสร็จก็รีบกลับไปทำงานต่อเลย
เราแอบนับ ตั้งแต่ออกจากบ้านมา7:30จนถึงที่โรงงาน8โมง เรนรับสายไป6สายแล้ว
ที่โรงงานเรน มีเครื่องสีข้าว อลังการมาก (หรือเป็นเพราะเราไม่เคยเห็นโรงสีที่ไหนมาก่อน)
เราเดินเข้ามาในส่วนแพคข้าวใส่ถุง เป็นห้องแอร์ มีคนงานผู้หญิงทำงาน3-4คน ตอนนั้นเค้ากำลังทำแพคเกจจิ้งดีไซน์พิเศษสำหรับลูกค้าธนาคาร สวยน่ารัก เป็นรูปถังไม้หุงข้าว เรนก็ให้พวกเราเข้าไปช่วยเค้าทำหน่อยๆ
แล้วบอกว่า ”วันนี้เธอจะได้ใช้ทุกเครื่องในห้องนี้”
ว้าวววว วันนี้ได้เป็นสาวโรงงานค่า
ส่วนชัยก็ไปดูเครื่องสีข้าวด้านนอก ทำงานเหมาะกับความสามารถจริงๆ
หน้าที่ของเราในห้องนี้คือ
เอากระสอบที่ใส่ข้าวขนาด 30kg มาทำสัญลักษณ์ว่าข้าวอะไร ขาวหรือน้ำตาล
ประทับวันที่ผลิต ซึ่งก็คือวันที่สีข้าวนี่เอง และวันหมดอายุ คือนับไปอีก6เดือน แปะสติกเกอร์หมายเลขผู้ผลิต เครื่องหมายออแกนิก
เอาข้าวใส่ถุงโดยใช้เครื่องกรอก(กดน้ำหนักข้าวที่ต้องการ ข้าวก็จะออกมาเท่านั้นเอง) โดยข้าวพวกนี้ก็ต่อท่อจากเครื่องสีข้างนอก สีเสร็จปุ้บกรอกใส่ถุง
….เป็นครั้งแรกที่รู้ว่าเค้าทำกันอย่างงี้
ชัยก็มาช่วยข้างในบ้าง ตอนรอรับกระสอบหนักๆไปเย็บปิดปาก
(งานหนักให้ผู้ชายทำ งานเบาให้ผู้ชายช่วย)
นี่ก็เพิ่งเคยเห็นว่าเย็บอย่างงี้
พวกถุงเล็กๆ(ขนาด 1kg และ 2kg)ก็จะเอาใส่บล๊อกสี่เหลี่ยมก่อน ให้จัดทรงถุงให้เป็นเหลี่ยมๆ พอเอาข้าวใส่แล้วก็เคาะๆให้แน่นขึ้น แล้วเอาไปซีลดูดอากาศออก เอาไปแพคใส่ลัง
พักเที่ยง กินข้าวพร้อมหน้ากันทั้งโรงงาน กินตรงห้องประชุมนี่แหละ ห้องนี้สารพัดประโยชน์จริงๆ
กันกับข้าวที่มีใครบางคนซื้อใส่กล่องมา ซื้อมาแค่กับข้าวนะ ข้าวสวยไม่ต้อง เพราะที่นี่เป็นโรงสีข้าว ฮ่าๆๆๆ
ครัวที่นี่จะทำหน้าที่แค่หุงข้าวและอุ่นซุปร้อนๆ
ตอนบ่ายมีรถขนส่งมารับละ ไอ่ที่สีและแพคใส่ถุงกันเมื่อเช้า กำลังจะเอาไปขายหมดแล้ว พวกพี่พนักงานเลยเริ่มทำความสะอาด สะอาดมากๆๆ ใช้ลมเป่าให้พวกเศษข้าว เปลือก ผงต่างๆที่กระจายตามเครื่องออกให้หมด แล้วยังเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดๆอีก เครื่องใหญ่โตเลยต้องดูแลดี ถ้าไม่หมั่นทำความสะอาด อาจจะพังเร็ว และก็คงมีผลต่อคุณภาพข้าวอีกด้วย
สังเกตได้ว่าที่นี่มีแต่คนงานผู้หญิง ผู้ชายคนเดียวเท่านั้นคือคนที่คอยมอนิเตอร์การทำงานของเครื่องจักร
ซึ่งที่มันเวิร์กมาก เพราะมีงานที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน เช่น ทำแพคเกจสวยงาม ทำความสะอาด อาจหาผู้ชายทำได้ยาก ส่วนงานหนักๆอย่างพวกแบกหามก็ไม่มี เรนมีเครื่องยกมาช่วยหมด แล้วผู้หญิงก็สามารถขับรถยกนั้นได้
ทำความสะอาดอยู่ดีๆก็ได้ยินเพลงปลุกใจ มีคนเปิดไว้ที่คอมฯในห้องแอร์ เราไปยืนดูMVด้วย ในMVเต้นกันสนุกโคตร เห็นละอยากเต้นเรย เราดูนานมาก ติดหูเลย มันคือเพลงนี้
ใครเปิดนะ อยากขอบคุณจากใจ เรายกให้มันเป็นเพลงประจำทริปนี้เลย Hoi-Ya-O…..
เลิกงาน 5 โมงตรง (วันนี้เราทำงาน 8 ชม.เป๊ะ) แต่เรนยังไม่เลิก มีคนมาสัมภาษณ์เรนอยู่ที่ห้องประชุม
ระหว่างรอ ปะป๊าของเรนชวนออกไปตัดฝรั่งที่ปลูกอยู่ข้างๆโรงงาน
เป็นฝรั่งออแกนิกที่ปะป๊าปลูกไว้ ตัดมาก็กินเลย นั่งกินตรงเนินชมวิวที่เดิม ..
..อร่อยง่ะ
facebookกลุ่มสหกรณ์จำหน่ายของเรน : https://www.facebook.com/manna983
เย็นนี้กินข้าวที่บ้านเรน ปะป๊าทำอาหารให้ มีอาหารหลายอย่างเลย แน่นอนว่ากินไม่หมด
เราชอบอารมณ์นี้อ่ะ ชอบมากกว่าไปกินตามร้าน มันให้ความรู้สึกกินในครอบครัว
หมินจงและฟ่านฟ่านตามมาสมทบ ซื้อชานมไข่มุกมาให้ด้วย
ไม่ได้มากันเล่นๆนะ เขามาคุยธุระกัน คือหมินจงจะสมัครเข้าเป็น Young Famer ของไต้หวัน ปีหนึ่งจะได้รับการคัดเลือกแค่ 100คนเท่านั้น หมินจงเลยมาปรึกษาเรน
เรนได้เป็น Young farmer รุ่นที่3 ตอนนี้กำลังเปิดรับรุ่น4
ถ้าได้เป็น จะได้รับการสนับสนุนจากไต้หวัน
เช่น ถ้ามีโครงการจะทำอะไรก็เขียน Proposalไปบอกรัฐ จะได้รับเงินสนับสนุนทุนครึ่งนึง เครื่องจักร เป็นระยะเวลาสามปี แต่กว่าจะได้เป็น 1 ใน 100 มันก็ไม่ง่าย
เราชอบที่รัฐสนับสนุนแบบนี้ คัดเลือกคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดดีจริงๆขึ้นมา แล้วสนับสนุนพวกเค้า มันทำให้เกษตรกรได้ลองคิดทำไรใหม่ๆ ถ้าคิดดีก็ได้เงินช่วย มิน่า เรนถึงบอกว่าต้องเขียน Proposalเยอะมาก เพราะในหัวเรนคงมีโปรเจคเยอะ ปีหน้าเรนจะได้ไปดูงานที่ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องออกเงินเองครึ่งนึง
เรนหันมาถามเราว่า “มีคนที่มาแบบเธอกี่คน” เราก็งงกับคำถามนะ ก็มากันสามคน มานอนบ้านเรนนี่ไง ฮ่าๆๆๆ
เราตอบ “เกษตรกร 2 เจ้าหน้าที่1”
เรนถาม “ทั้งประเทศ?”
เรา “ใช่”
เรนตกใจมาก สงสัยคิดว่ามีคนอื่นด้วย แต่กระจายไปตามเมืองอื่นมั้ง
แล้วก็ถามเราว่า “เมย์ เธอต้องเขียน Proposalกี่หน้า ถึงได้มาที่นี่”
“กรอกใบสมัครมา 2 หน้า” ตอบไปแล้วก็รู้สึกว่าทำไมมันดูง่ายจัง จริงๆมันไม่ง่ายนะ เราบอกไปว่า นอกจากกรอกใบสมัครแล้ว เราก็ต้องเข้าไปสัมภาษณ์ด้วย
จริงๆก่อนที่พวกเราจะมาถึง Fuli เรนไม่รู้หรอกว่าเราเป็นใคร ได้รับข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่ชายแก่ๆ 1 คน และเกษตรกรชาย 1 หญิง 1 ฮ่าๆ ข้อมูลมันผิดพลาดกันตอนไหนนะ
ต่อมาก็คุยกันเรื่องพัทยา หมินจงกำลังจะไปพัทยาเดือนหน้า มีสิ่งเดียวที่กังวลคือ กลัวจะแยกสาวประเภทสองออกจากสาวแท้ไม่ออก เพราะสาวประเภทสองที่ไทยบางคนงามกว่าสาวแท้ซะอีก
โถ..หมินจง
กินข้าวเสร็จมาสองชั่วโมงแล้ว แต่ยังคงคุยกันอยู่ ถ้ายังไม่ดึกคนประเทศนี้ก็จะยังคุยกันต่อไป
เราหันมาถามหมินจงและฟ่านฟ่านว่าชื่อเราในภาษาจีนเขียนยังไง เค้าก็เขียนมาให้ ซึ่งมันอ่านว่าเม แต่แปลว่าพลัม แล้วเราก็ให้สอนเราเขียนชื่อภาษาจีนของพวกเค้าด้วย
ยากมาก ถ้าจะเขียนให้ถูกต้อง ต้องมีลำดับการขีดที่ถูกต้องด้วย
หมินจงสอนว่า ”ดูที่ฉันนะ, บนลงล่าง ซ้ายไปขวา”
คืนนี้ เราได้ข้อคิดว่า การมาอยู่กับคนที่นี่ มันไม่ได้มาเรียนแค่การเกษตรนะ
พวกเราได้เรียนรู้ทั้งสังคม วัฒนธรรม และภาษาด้วย
[…] Day7 Rain’s factory โรงสีข้าว […]
LikeLike