ที่บ้านก่วงม้าเราไม่ต้องออกแต่เช้ามึดเพื่อไปทำงาน ออกแค่ 7 โมงก็ได้
วันนี้เราก็ออก 7โมง คาซู่น้องชายของก่วงม้าพามาที่แปลงของเขาที่ไม่ได้อยู่บนดอย เราเลยได้ลงจากเขาแป้บนึง
เรานั่งตรงกระบะหลังเหมือนเดิม เห็นจากสภาพรถและอุปกรณ์ ก็รู้เลยว่าวันนี้เราไปใส่ปุ๋ยกัน เพราะเหมือนกับวันแรกที่หมินจงพาไป
นัั่งมองวิวทิวทัศน์ข้างรถ แบบไม่มีกระจกกั้น สวยเหมือนภาพวาดเลย
นั่งรถลงมาจากเขา ถึงเมืองFuli สังเกตได้ง่ายมาก คือเจอเซเว่น เมืองนี้มีเซเว่นที่เดียว คือเวลานัดกัน สามารถพูดแค่ว่าเจอกันเซเว่นได้ ไม่ต้องบอกสาขานะ เพราะมีที่เดียว
คาซู่พาไปกินอาหารเช้าในตัวเมือง เป็นแป้งโรตีทอดใส่ไข่ มีชานมคนละแก้ว ส่วนใหญ่ตามร้านอาหารจะมีชานมใส่แก้วกระดาษ ซีลด้วยพลาสติกด้านบน แช่ไว้ในตู้เย็นให้หยิบได้เอง ที่นี่ก็มีเหมือนกัน ดีใจที่มีหน่ายชา ไม่ต้องเจิงจูก็ได้
กินเสร็จเจอก่วงม๊า บอกว่าจะนั่งรถไฟไปฮวาเหลียน เราก็ตกใจนึกว่าเราต้องร่ำลาก่วงม๊าตรงนี้แล้วหรอเนี่ย เพราะเดี๋ยวบ่ายๆเราก็ต้องเก็บกระเป๋าออกมาจากบ้านแล้ว
แต่ก่วงม๊าเข้าใจสีหน้าใจหายของเรา เลยบอกผ่านGoogleว่า”เรายังได้เจอกันอีกในวันเสาร์”
อ่อ วันเสาร์จะได้เจอหรอ เราก็ยังคงไม่รู้กำหนดการตัวเองอยู่ดี แต่ทุกคนที่นี่รู้หมด ฮ่าๆๆ
คาซู่แวะซื้อปุ๋ย12กระสอบ ใส่มาบนกระบะ ซื้อเสร็จเราเลยได้นั่งบนกระสอบปุ๋ย
หน้าร้านปุ๋ยก็มีนาขาว ข้าวงามมากก มากกว่าที่ใดในเมือง คือใครเห็นข้าวตรงนี้งามก็อาจจะรีบซื้อปุ๋ยร้านนี้เลย
วิวข้างทางสวย นั่งไกลแต่ไม่เบื่อเลย
แปลงของคาซู่อยู่ไกล เราว่ามันออกจากเมือง Fuliมาแล้วนะเนี่ย มีเวลาชมวิวเยอะเลย ชัยร้องเพลง ส่วนเรานั่งทวนศัพท์ที่ได้มาจากพูดคุยเมื่อคืน
มิมิเงิน….ใช้เวลาชนแก้วกัน แทนที่จะพูดว่า หมดแก้ว! ก็พูดว่ามิมิเงิน แล้วก็จิบๆเอานะ ไม่ต้องกระดก เราเลยเดาว่าแปลว่า นิดหน่อยยย
แดดที่นาข้าวของคาซู่ก็ร้อนได้โล่เลย แต่มีหลังคารถบังแดด บังได้ดีทีเดียว ถ้ามีรถกระบะก็อยากสร้างหลังคาแบบนี้บ้าง
แปลงนี้ไม่ใช่ออแกนิกแบบบนเขา มิน่าหล่ะถึงออกมาห่างไกลขนาดนี้ ที่ไต้หวันเค้าแบ่งโซนออแกนิกและไม่ออแกนิกได้อย่างชัดเจนมาก
แม้คาซู่จะพูดอังกฤษกับเราไม่ได้ แต่ชวนพวกเรามาทำได้ คุยกันด้วยภาษามือ
เราช่วยกรอกปุ๋ยใส่เครื่องโรยปุ๋ย ชัยถอนหญ้าและโรยปุ๋ยนิดหน่อย ส่วนเปิ้ลปวดท้อง ห้าซีดนั่งทรมานอยู่ในรถ
วันนี้งานสบายสุดๆ แค่กรอกปุ๋ย ยากสุดก็ตรงที่ต้องขยับกระสอบปุ๋ยไปมานี่แหละ เพราะมันหนัก
หมดไป 8กระสอบ คาซู่บอกว่าพอแล้ว แล้วให้ชัยไปช่วยขุดหน่อไม้แถวนั้นไปทำข้าวเที่ยง
ตอนนั่งรถกลับ เปิ้ลอ้วก 2ที ระหว่างทาง ตอนจะอ้วกก็หันไปหยิบถุงบ้วนหมากของคาซู่มา คาซู่ไม่ยอมให้ถุง แต่จอดรถให้เลย เปิ้ลก็อ้วกเลย คาซู่คงตกใจไม่น้อย ถึงขั้นโทรหาลัมลู ให้มาช่วยคุยกับพวกเราว่าจะยังไง ไปหาหมอมั้ย แต่เปิ้ลบอกว่าไม่เป็นไร แค่นอนพักก็พอ
แต่..ตอนนี้กลับไม่ได้ เพราะเค้าซ่อมถนนทางขึ้นดอยอยู่
คาซู่ เลยพามานอนที่บ้านของเพื่อนเค้าก่อน อีกชั่วโมงกว่า ถึงจะกลับขึ้นไปได้ เราไม่ได้นอนก็เลยนั่งเฉยๆคุยกับคาซู่และเพื่อนเค้าไปพลางๆที่หน้าบ้าน
มีตอนนึง เพื่อนคาซู่ลุกจะออกไปข้างนอก เราแอบได้ยินคาซู่พูดกับเพื่อนเค้าอะไรไม่รู้ยาวๆ แต่มีคำนึงนะที่เราฟังออก นั่นคือ “เจิงจูหน่ายชา” ฮ่าๆๆๆๆๆๆ หูเราจะจับคำนี้ได้ไวมาก
แหม คาซู่น่ารักจริงๆ มาการฝากเพื่อนไปซื้อชานมไข่มุกมาให้พวกเราด้วย
เพื่อนคาซู่กลับมาพร้อมกับชานมไข่มุก และน้ำมะนาวสำหรับเปิ้ล
เราเอาไปให้เปิ้ลในห้องนอน พอเห็นน้ำมะนาวถึงขั้นตะลึง
เปิ้ลบอกว่า “ตอนอยู่ที่นาข้าว เพิ่งพูดว่า ถ้าได้อะไรเปรี้ยวๆตอนนี้คงดีขึ้น”
11:30น.ได้เวลากลับบ้านก่วงม้า ไปกินข้าวเที่ยง แต่ก่วงม๊าไม่อยู่เลยเป็นกับข้าวที่ื้อมาเป็นกล่องๆกินกันแทน
วันนี้มีเกี๊ยวน้ำ …ตอนเช้าที่พ่นปุ๋ย ยังพูดกันอยู่เลยว่า รถลัมลูเหมือนรถขายอาหาร แล้วก็อยากกินเก๊่ยวน้ำกันขึ้นมา แล้วนี่ก็มีคนซื้อเกี๊่ยวน้ำมาให้ โชคดีจริงๆ
ขณะที่กิน ลัมลูบอกว่าร้อน “เรามาเปิดน้ำที่พื้นกันดีกว่า” ทันใดนั้นลัมลูก็ไปลากสายยางที่ต่อน้ำมาจากบนเขา มาจ่อใต้โต๊ะให้พื้นเปียกๆ แล้วพวกเราเอาเท้าเล่นน้ำที่พื้นนั้น
นี่มันเป็นวัฒนธรรมอะไรเนี่ย !! แต่ขอบอกว่ามันเวิร์คมากค่ะ คิดได้ไง เท้าเย็น ทำให้ตัวเย็นสบายไปด้วยเลย
มีน้ำจากภูเขาให้ใช้ตลอดเวลาไม่ต้องกลัวเปลืองน้ำ มันดีอย่างงี้เอง
กินเสร็จก็นั่งคุยต่อ ลัมลูบอกว่าใน ไต้หวันมีหลายชนเผ่านะ ก่วงม๊าและลัมลูเป็นชาว Amis
ภาษาที่เราเรียนรู้จากก่วงม๊าและญาติๆ ไม่สามารถไปใช้กับคนอื่นได้ คนจะงง เราใช้ได้กับชาว Amisเท่านั้น
ก่อนจะย้านบ้านไปอยู่บ้านเรน ลัมลูพาไปดูศูนย์บริการนักเที่ยวของCilamitay ที่นี่เคยเป็นโรงเรียน เอามารีโนเวทเป็นศูนย์นักท่องเที่ยว ออกแบบและตกแต่งกันเองในกลุ่ม โดยใช้ของในพื้นที่มาตกแต่งไม่ต้องเสียเงินเลย
ในห้องทำกิจกรรมมีโต๊ะไม้ไผ่ ที่ลัมลูบอกว่าเค้าออกแบบมาพิเศษ ไม่ว่าจะไปวางที่พื้นด้านนอกขระขระๆ โต๊ะก็ไม่โยกเยกนะ มันมีกลไกลพิเศษ แต่เราก็ดูไม่ออกว่ากลไกยังไงเหมือนกัน
ที่นี่จะแสดงผลิตภัณฑ์ อธิบายสถานที่เที่ยวบนเขานี้ ที่ให้เด็กๆมาทำกิจกรรม ที่กินข้าว ที่ยิงธนูไม้ไผ่
เราก็ไปลองเล่นด้วย แต่เล่นไม่เป็น เสียวมันดีดกลับมาโดนหน้า ก็เลยเลิก
เรามารับพวกเราที่นี่พร้อมกับจนท.เกษตร (เรนติดต่อกับรัฐบาลตลอดจริงๆ)
พาไปเดินดูบ้านคนสมัยก่อน ทำด้วยดิน เปิดให้คนเข้ามาดูว่าโครงสร้างยังไง
สมัยก่อนนอนห้องเดียวกัน ทั้งบ้าน บางทีมีการผิดลูกผิดเมียกันด้วย
เดินไปตามนาขั้นบันได หันกลับมาเห็นนาเป็นชั้นๆ สวยสุดยอด ฟาร์มของโอก๊กเกอยู่บนสุด
เขาพาเดินขึ้นไปตามทางน้ำ ชั้นบนๆใสและเย็นมาก ทำทางน้ำด้วยไม้ เลาะขอบเขา น้ำสะอาดมากจนเค้าบอกว่ากินได้เลย น้ำนี้แหละเอามาใช้ในหมู่บ้าน บ้านที่ก่วงม้าอยู่ และที่เอามาเปิดแช่เท้ากันเมื่อกี้
ต่อมาก็นั่งรถไปออฟฟิซเรน ซึ่งก็คือโรงสีข้าวนั่นเเอง หน้าโรงงานวิวดีมาก โรงงานตั้งอยู่บนเนินเขา
ตอนบ่ายๆตรงเนินจะร่มเพราะมีภูเขาข้างหลังบังแดดแล้ว เรนพามานั่งเล่น แล้วก็บอกว่า
”มันสวยใช่มั้ย สีฟ้าของท้องฟ้า สีเขียวของนาข้าว ข้างล่างนั่นคือนาข้าวอิินทรีย์ของกลุ่มพวกเรา”
ใช่ มันสวยมาก มองไปทางไหนก็เขียว ภูเขา ท้องนา มีหมอกคลุมบนเขา ลมเย็น คิดดูดิว่ามันดีแค่ไหน ที่เดินออกมาจากโรงงาน ละเจอวิวแบบนี้
เนินนี้ เป็นที่ที่พวกเค้าใช้จัดงาน Music Festival กันปีที่แล้ว จัดกันเอง เพื่อโปรโมทหมู่บ้านเล็กๆนี้
ปีนี้ พวกเรนก็กำลังจัดงานนี้อีกเหมือนกัน
เรานั่งเล่นกัน ในขณะที่รอเรนติดต่อธุรกิจพันล้านอยู่ อยากอยู่นานๆ ตรงนี้มันสบายตามากๆ เรนบอกว่า Wait a moment จะไปที่บ้านเรนกัน
เราไม่รู้หรอกว่า Wait a moment ของเรน จะยาวนานแค่ไหน
..บางครั้งมันก็หมายถึงพรุ่งนี้
..บางครั้งก็อีกประมาณชั่วโมง
..บางครั้งก็เดี๋ยวนั้นเลย
ชีวิตของเราสามคนที่นี่ เป็นแบบไม่รู้กำหนดการล่วงหน้า แล้วแต่พวกเขาเลยค่ะ
ไม่รู้ว่าเขาจะพาเราไปไหน ไปทำอะไร เมื่อไหร่ รู้แค่คร่าวๆก็พอ เราก็พอใจที่มันเป็นแบบนี้นะ ตื่นเต้นดี ไม่สามารถทำแบบนี้ตอนอยู่ไทยได้ เพราะเราต้องจัดการตารางเวลาของตัวเอง
พอถึงเวลา เรนก็มาเรียกพวกเรา ไปกันเถอะ แล้วก็พามาวัดพุทธแห่งหนึ่ง วัดนี้เรนเคยบอกไว้เมื่อสามวันที่แล้วว่าจะพามา แต่เวลาคงไม่พอเลยไม่ได้มา แต่เรนก็ยังจำได้อยู่นะ พามาซะวันนี้เลย ขับขึ้นมาบนเขาเตี้ยๆ ที่นี่วิวก็สวยมากอีกเหมือนกัน
เฮ้ย ทำไมชอบพามาแต่ที่สวยๆอ่ะ คิดว่าถ้าใครมาที่เมืองนี้ คือต้องแนะนำเลย
มาถึงก็เจอคนที่วัดเตรียมชากาแฟต้อนรับด้วย
คือเรนรู้จักทุกคนจริงๆอ่ะ คงบอกไว้ก่อนแล้วว่าจะมา
คืนนี้นอนบ้านเรน ห้องที่เรานอนเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่น อากงของเรนออกแบบเอง มีฟูตงปูที่พื้น นอนสบายดี
ประตูกระดาษ ถ้านอนเม้ากับเปิ้ลคืนนี้ เสียงออกไปข้างนอกแน่นอน
ได้ยินเรนคุยกับอากง เหมือนเราได้อยู่ที่บ้านที่แวดล้อมไปด้วยญาติๆเชื้อสายจีนของเรา ครอบครัวเรนเป็นจีนแคะเหมือนเรา พูดภาษาเดียวกัน
เย็นนี้เรนพาไปกินเกี๊ยว ร้านไม่ใหญ่ รู้สึกโล่งใจที่ได้กินอะไรเบาๆ เกี๊ยวไส้หมูผสมกุยช่าย อร่อยดี
มีซุปรสชาติกะเพาะปลา ใส่หน่อไม้ เต้าหู้ แครอท เห็ด
เรนใส่ใจมาก บอกรายละเอียดทุกอย่างที่เรากิน ส่วนผสมทุกอย่าง
กินเสร็จก็พามาที่ Taitung ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าขับรถข้ามเมืองมาแล้ว เมืองนี้คือที่ที่เรานั่งรถไฟมาเจอพวกเค้าในวันแรก เดี๋ยวคืนนี้เรนจะมีประชุมกับเพื่อนๆ และจะพาเราสามคนมาด้วย
“คืนนี้พวกเธอจะได้เจอทุกๆคนเลย” เรนบอก
ระหว่างทางก็แวะไปซื้อชานมไข่มุก อิอิ เป็นครั้งแรกที่ได้ลงมาซื้อเอง
นี่แก้วที่ 3 ของวันนี้แล้วนะ
วันนี้มีการนัดประชุมกัน เรื่องงานมิวสิคของ Fuli เค้าเคยบอกว่าพยายามโปรโมทหมู่บ้านตัวเอง งานจะมีวันที่ 4-5 พ.ย. เรนบอกว่ามันใกล้มากแล้ว เค้าก็ยุ่งมากกับงานนี้
เจอเพจด้วย เป็นทีมงานเหมือนกัน นี่ขนาดมามีทติ้ง ยังหิ้วเหม่เหม่มาด้วย มีลูกน้อยๆก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงาน ทำกิจกรรมกับพวกเพื่อนเลยอ่ะ
นอกจากนั้นก็เจอคนอื่นมากมาย ตามที่เรนได้บอกไว้ เช่น หมินจง ฟ่านฟ่าน เพจ ลัมลู และคนที่เราไม่รู้จักชื่ออีก
เริ่มประชุม เรนเป็นเหมือนหัวหน้า เป็นหัวหน้าที่จริงจังมาก (เรนเลือดกรุ๊ปเอ)
ดูพวกเค้าจริงจังนะ นัดเพื่อนๆมาประชุมเพื่อจัดงานโปรโมทหมู่บ้านด้วยกัน ดูเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมาก
ตอนเล่นๆก็สนุกสนาน พอต้องมาประชุม ก็คุยกันจริงๆ ไม่มีคุยเล่นแทรก
คือเหมือนประชุมในบริษัทเรย
เห็นแล้วอยากมาร่วมงานด้วย มันจะออกมาเป็นยังไงน้า
น่าเสียดาย ที่เราฟังไม่ออกว่าเค้าคุยไรกัน เลยกดดูราคาตั๋วมาไต้หวันไปพลางๆ พบว่าไม่ได้ถูก
น่าเสียดาย ที่เราคงมาไม่ได้
ลืมเล่าไปว่า มีคนซื้อไก่ทอดมาแบ่งกันกินระหว่างประชุมด้วย!!
ก่อนที่เรนจะพาไปกินเกี๊่ยว เพิ่งคุยกันว่าอยากกินไก่ทอด KFC แล้วนี่ไก่ทอดร้อนๆก็ลอยมา
สวรรค์มีตาอีกแล้ว นี่ถ้าแถวนี้มี KFC คงได้กินKFCแน่ๆ
ลองมานั่งลิสต์ดูว่า มีอะไรบ้างนะที่คิดแล้วก็ได้ขึ้นมา
..ไข่เจียวที่ TARI
..หมินจงโผล่มาที่บ้านก่วงม้า
..เจิงจูหน่ายชาที่สวนส้มโอ
..หมากฝรั่งที่คาซู่แวะซื้อมาให้ (เราพูดกับชัยเรื่องหมากฝรั่งตอนนั่งรถกระบะไปนาของคาซู่เมื่อเช้า 10นาทีต่อมา คาซู่ก็จอดรถลงไปซื้อ..)
..น้ำมะนาวของเปิ้ล
..เกี๊ยวน้ำที่บ้านลัมลู
..ไก่ทอดkfcตอนประชุม
คือเหมือนมีใครตามเรามาตลอด พอเราอยากกินไร ก็จะไปกระตุ้นให้คนที่นี่หามาให้
ความอยากของเรามันแรงมากขนาดนั้นเลย